1.ความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสติกส์
3PL ต้องมีความสามารถในพื้นที่บริการ โดยเฉพาะพื่นที่ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า อย่างไรก็ตาม การที่ 3PL เป็นผู้ให้บริการเจ้าเดียวในพื้นที่ อาจเป็นเหตุผลที่ไม่ได้คำนึงถึงความสามารถในการให้บริการลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยมนัก ดังนั้น ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ควรมีความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น ความสามารถในการดำเนินงาน EDI (Electronic Data Interchange ‘การแลกเปลี่ยนเอกสารทางธุรกิจระหว่างบริษัทคู่ค้าในรูปปแบบมาตรฐานสากล’)

2.การบริการลูกค้า
ผู้ให้บริการโลจิสติกสควรจัดลำดับความสำคัญในการบริการลูกค้า และมีการสื่อสารการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าทุกบริษัทมีการบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแบบไหนดีที่สุด? คำตอบก็คือ การบริการลูกค้าที่ดี ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุขัดข้องขึ้นได้ ระหว่างกระบวนการทำงาน หรือสามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างราบรื่น มีความเชี่ยวชาญชำนาญ และเป็นมือาชีพ

3.ให้คุณค่ากับความปลอดภัย

เนื่องจากกฏระเบียบด้านความปลอดภัยในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องเลือกผู้ให้บริการที่มีสถิติด้านความปลอดภัยสูง

4.ชื่อเสียงของบริษัท

ในการบริหารจัดการธุรกิจ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าในบางสถานการณ์ของการทำงานร่วมกัน บ่อยครั้งที่จะถูกทดสอบในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป ควรตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีแนวโน้มที่จะตอบสนองด้วยความซื่อสัตย์ และให้เกียรติ ในเวลาที่จะเปิดเผยว่า บริษัทมีชื่อเสียงที่ดีหรือไม่ต่อลูกค้าซัพพลายเออร์และพนักงาน เช่น

• ปฏิบัติต่อซัพพลายเออร์และพนักงานอย่างไร?
• เป็นพลังที่บวกที่แข็งขันภายในองค์กรหรือไม่?
• ในสื่อสังคมออนไลน์ บริษัทฯ มี Feedback จากผู้ใช้บริการหรือผู้ที่เคยใช้บริการอย่างไรบ้าง?
และสิ่งที่สำคัญบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มานานเท่าไหร่

5. ความมั่นคงของบริษัท

ไม่ว่ากระบวนการทำงานซัพพลายเชนของคุณจะเรียบง่ายหรือซับซ้อนมากเพียงใด ควรเลือกผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่มีเสถียรภาพสูง และพร้อมจะแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ หากมีเหตุการณ์ที่ต้องการความรับผิดชอบสูงเกิดขึ้น แล้วบริษัทไม่มีเสถียรภาพมากพอ ที่จะแก้ไขได้ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อความไว้ใจของลูกค้าและภาพลักษณ์ของบริษัทที่ลดลง

แหล่งข้อมูลจาก : brwilliams.com