นำเข้าสินค้าจากจีน Shipping Mark สำคัญอย่างไรในการขนส่งสินค้า

นำเข้าสินค้าจากจีน Shipping Mark สำคัญอย่างไรในการขนส่งสินค้า - bulllogistics นำเข้าสินค้าจากจีน นำเข้าสินค้าจากจีน Shipping Mark สำคัญอย่างไรในการขนส่งสินค้า Shipping Mark                       bulllogistics 768x402

นำเข้าสินค้าจากจี Shipping Mark หรือที่เรียกกันว่า เครื่องหมายการจัดส่งสินค้า ประกอบด้วยตัวเลขหรือสัญลักษณ์ที่แสดงมากับบรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อสินค้าให้แสดงว่าเป็นสินค้าประเภทใด เพื่อที่เจ้าหน้าที่ขนย้ายและจัดเก็บจะได้จัดการได้ง่ายขึ้น 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่นำเข้าสินค้าจากจีน จำเป็นที่จะต้องติดเครื่องหมายฯดังกล่าว เพราะกฏของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ได้มีการกำหนดให้สินค้าที่จะทำการขนส่งจะต้องแสดงเครื่องหมาย / เลขหมายไว้ในใบตราส่งสินค้าด้วย 

Shipping Mark มีความสำคัญอย่างไร :

เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสินค้าทั่วโลกสามารถรองรับปริมาณสินค้าจำนวนมหาศาลได้เพิ่มขึ้นทุกปี และปัจจุบัน Shipping Mark ถือว่าเป็นเครื่องหมายที่ต้องแสดงบนบรรจุภัณฑ์ตามกฎหมาย/ พระราชบัญญํติศุลกากร ฉบับ พ.ศ. 2560 มาตรา 11 โดยบัญญัติไว้ว่า

“ ผู้นำของเข้า หรือ ผู้ส่งของออก ผู้ใดไม่จัดให้มีเครื่องหมาย เลขหมายกำกับหีบห่อ บรรจุภัณฑ์ หรือภาชนะบรรจุของ หรือไม่แสดงเครื่องหมายหรือเลขหมายไว้ในเอกสารที่เกี่ยวกับของนั้น ผู้นั้นจะต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท”

เพื่อเป็นการป้องกันข้อผิดพลาดในกระบวนการขนส่ง อาทิ อุบัติเหตุ ปัญหาด้านศุลกากร ความเสียหายที่เกิดจากการจัดเก็บที่ไม่เหมาะสม หรือ ความเสียหายจากสภาพอากาศที่ไม่อาจควบคุมได้ ทั้งนี้ แต่ละหน่วยของบรรจุภัณฑ์จึงจำเป็นต้องทำเครื่องหมายการจัดส่งอย่างถูกต้องและครบถ้วน

เพื่อให้กระบวนการขนส่งในทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย รวมถึงป้องกันความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นระหว่างต้นทางจนถึงปลายทาง ตลอดจนเพื่อความปลอดภัยของสินค้าระหว่างขนส่ง
แต่ละหีบห่อของสินค้า จึงควรมีเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อ หรือ เครื่องหมายการจัดส่งสินค้า (Shipping Mark) อย่างถูกต้องและครบถ้วน รวมทั้งจำเป็นต้องนำไประบุไว้ในเอกสารนำเข้า – ส่งออกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น :

◽ เอกสารใบแจ้งหนี้/ใบวางบิล (Commercial Invoice),
◽ ใบตราส่งสินค้า B/L (Bill of Lading) และ AWB (Air Way Bill)
◽ Packing List รายการบรรุภัณฑ์ (การบรรจุ นำหนัก จำนวนสินค้า)

ของประเภทใดที่ต้องแสดงเครื่องหมายการจัดส่ง :

◽ ของที่นำเข้า-ส่งออกทั้งหมดสามารถแสดงเครื่องหมายการจัดส่ง (Shipping Mark) ในระดับที่แตกต่างกัน
◽ ของบางอย่างอาจครอบคลุมเครื่องหมายการจัดส่งเกือบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่ง
◽ ในขณะที่ของบางอย่างอาจอ้างอิงถึงเครื่องหมายการจัดส่ง 1 หรือ 2 ประเภทขึ้นไป
◽ รายการบรรจุควรครอบคลุมเครื่องหมายการจัดส่งให้มากที่สุด นอกเหนือจากรายการบรรจุภัณฑ์
◽ ใบตราส่งสินค้า และใบแจ้งหนี้การค้า ควรครอบคลุมเครื่องหมายการจัดส่งที่เกี่ยวข้องด้วย

รายละเอียดที่สำคัญบางประการที่ผู้นำเข้า – ส่งออก ควรพิจารณา :

◽ เครื่องหมายระบุท่าเรือต้นทาง – ปลายทาง รวมทั้งจุดโอนใดๆ ควรระบุไว้ในการจัดส่งอย่างน้อย 3 ด้าน รายละเอียดเหล่านี้ควรเขียนเป็นภาษาที่เหมาะสมสำหรับประเทศต้นทางและประเทศปลายทาง

◽ ขนาด และ น้ำหนักของสินค้าควรรวมน้ำหนักสุทธิ และน้ำหนักรวมของการจัดส่ง พร้อมกับขนาดของบรรจุภัณฑ์

◽ จำนวนกล่อง และ จำนวนกล่องทั้งหมดในการจัดส่ง โดยเฉพาะเมื่อมีการจัดส่งจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าการจัดส่งเสร็จสมบูรณ์

◽ การอ้างอิงผลิตภัณฑ์ อาจเป็นคำอธิบายของผลิตภัณฑ์หรือรหัสผลิตภัณฑ์ ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อเป็นการป้องกันการโจรกรรม หากมีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เช่น ขนาด สี หรือวันหมดอายุ สามารถรวมไว้เพื่อช่วยในการประมวลผลสินค้าที่จุดปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รายละเอียดเหล่านี้สามารถพิมพ์เป็นข้อความบนแพ็คเกจ หรืออาจรวมอยู่ในบาร์โค้ดเพื่อเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบ

คำแนะนำสำหรับผู้ส่งออกที่ต้องจัดการกับเครื่องหมายการจัดส่ง (Shipping Mark)

◽ ควรมีคำแนะนำการจัดการเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ไว้ในภาชนะด้านนอกด้วย
◽ ใช้เครื่องหมายการขนส่งที่เป็นที่ยอมรับ ในระดับสากลจากมาตรฐาน ISO 780 (เครื่องหมายรูปภาพสำหรับการจัดการสินค้า) สามารถช่วยให้เข้าใจความหมายที่ตรงกัน เนื่องจากสินค้าที่ได้รับการจัดการโดยผู้คนจากหลายเชื้อชาติ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *